วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553







ร็อตไวเลอร์ ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นี้เท่าที่เราค้นคว้ามาได้นั้น ทรหดอดทนไม่ย้อท้อ ใจเย็น และมีสมรรถนะสูง นี่คือสัญลักษณ์ของ สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ ซึ่งเป็นสุนัขที่ในอดีตชาวโรมันใช้ต้อนวัวข้ามเขาแอลป์ เข้าไปยุโรปตอนกลาง

ร็อตไวเลอร์ มีตำนานเล่าว่าเป็นชื่อที่มันได้มาในย่านตลาดอันคึกคักในเมืองเวิร์ธเท มเบิร์ก พวกพ่อขายปศุสัตว์ที่ออกไปซื้อวัวตามบ้านนอกก็มีวิธีหลบโจร โดยเอากระเป๋าเงินผูกไว้กับคออันล่ำสันของมันและตอนฝูงวัวที่ซื้อมาได้กลับ มาตลาด พวกพ่อค้าเหล่านั้นเอาหมาที่ล่ำสันผูกไว้กับขบวนเกวียนแล้วก็ให้มันทำ หน้าที่ยามไปด้วย เรียกว่าให้หมาเอาเงินไปซื้อ ให้หมาต้อนวัวมา แล้วก็ให้หมาช่วยเฝ้า เป็นงานเหมาของหมาไปเลย

ร็อตไวเลอร์ มีต้น กำเนิดตั้งแต่ในยุคโรมัน ซึ่งมีการทำสงครามเพื่อขยายอาณาจักร การทำสงครามสมัยโบราณต้องมีกองเสบียงซึ่งต้องมีฝูงวัวควายเป็นๆ ที่ต้อนไปกับการเดินทัพ (เพราะว่าในสมัยนั้น ยังไม่มีการเก็บเนื้อสัตว์ในระบบแช่เย็น) และต้องมีการใช้สุนัขที่แข็งแรงในการควบคุมฝูงสัตว์ที่เป็นเสบียงเหล่านี้ สุนัขเหล่านี้จะแข็งแรง อดทนมาก เพราะว่าต้องเดินทางไกลข้ามทุ่งข้ามแม่น้ำ ข้ามเขา ต้องผจญกับสัตว์ป่าและคนร้ายที่จะมาปล้นฝูงสัตว์เสบียงเหล่านี้
ร็อตไวเลอร์ เหล่านี้บางส่วนจะตกค้างอยู่แคว้น Rottweiler (ซึ่งปัจจุบันเป้นเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมันตะวันตก) และต่อมาได้ได้ถูกนำไปใช้งานโดยพ่อค้าเนื้อสัตว์ที่ต้อนฝูงวัวควาย ไปขายยังต่างเมืองโดยวิธีการเอากระเป๋าที่เก็บเงินผูกไว้ที่คออันแข็งแรงของ สุนัข เพื่อป้องกันโจรที่มาปล้นชิง สุนัขดังกล่าวมานี้ถือเป็นบรรพบุรุษของสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ในปัจจุบัน
สัญชาตญาณ ร็อตไวเลอร์ อันแรงกล้าใการเฝ้าของมันก็ดี ตลอดจนนิสัยใจเย็นไม่ขี้ตื่นของมันก็ดีเหล่านี้ทำให้มันเหมาะอย่างยิ่งกับ งานด้านทหารและตำรวจ คุณสมบัติอย่างเดียวกันนี้เองรวมกับความจงรักภักดีอย่างยิ่งกับนายทำให้ สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขเฝ้าและ เพื่อนอันประเสริฐ

ร็อตไวเลอร์ แพร่กระจ่ายได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษและสก็อตแลนด์ในช่วงปี 1936 และได้รับการรับรองพันธุ์จาก AMERICAN KENNEL CLUB ในปี 1935 เป็นพันธุ์ที่ 47 โดยระบุจัดอยู่ในประเภท WORKING DOG และ KENNEL CLUB ของอังกฤษก็จัดอยู่ใน WORKING DOG เหมือนกันจะแตกต่างเพียงเล็กน้อยก็เฉพาะของ FCI ที่กำหนดให้เป็นประเภท GUARD DOG

สุนัขพันธุ์ ร็อตไวเลอร์ ได้เริ่มต้นพัฒนาอย่างจริงจัง ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1907-1910 ในประเทศเยอรมันจากแนวความคิดที่ต้องการสุนัขใช้งาน (Working Dog) ซึ่งมีการพัฒนาไปพร้อมๆ กับสุนัขพันธุ์เยอรมันเชดเพอดและโดเบอร์แมนจนถึงถึงปี 1920 มีการจัดตั้งสมาพันธุ์ร๊อตไวเลอร์ ขึ้นในประเทศเยอรมันตะวันตก (Allgemeiner Deutsher Rottweiler Klub หรือ ADRK) ซึ่งเป็นสถาบันที่สร้างมาตราฐานอย่างจริงจัง ในการที่จะทำให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์ ของสุนัขร็อตไวเลอร์ที่ถูกต้องและมีคุณภาพ โดยเน้นการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ และการอยู่รวมกับคนในสังคม โดยกำหนดเป็นกฏเกณฑ์การปฏิบัติที่ทั้งผู้เพาะพันธุ์และผู้เป็นเจ้าของสุนัข จะต้องทำตาม เพื่อให้คงลักษณะมาตราฐานสายพันธุ์ของร็อตไวเลอร์เอาไว้อย่างมีคุณภาพ มิใช่เป็นเพียงการพัฒนาที่คงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

สำหรับ เรื่องราวที่ชาวเยอรมันตอนเหนือ ได้หันมาเพาะอย่างจริงจังในศตวรรษที่ 19 ก็เพราะประทับใจ ตำนานที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมนั่นคือในคืนวันหนึ่งขณะที่ตำรวจเยอรมันพร้อม สุนัขคู่ใจออกตรวจพื้นที่บนถนน มีกะลาสีเรือ 14 คน กำลังเมาได้ที่ ในร้านเหล้าริมแม่น้ำในเมืองฮัมบูรัก พวกเขาทะเลาะเรื่องหญิงสาว ตำรวจเห็นเหตุการณ์พอดี จึงเข้าไปรักษาความสงบ แต่กะลาสีทั้ง 14 คนเขม่นกรูเข้ามาทำร้ายตำรวจปรากฏว่า เจ้าร็อตไวเลอร์กระโดด เข้าใส่ขี้เมาทั้งหลายจนต้องโกยอ้าวไปตามกัน

ร็อตไวเลอร์ เหมาะสำหรับ ครอบครัวที่ชอบท่องเที่ยว ร็อตไวเลอร์ไม่เหมาะกับคนที่ชอบอยู่แต่ในบ้าน หรือคนที่มีสุขภาพอ่อนแอ ชอบที่อาศัยที่มีบริเวรกว้างใหญ่ มีลานหรือสวนพอให้สุนัขวิ่งเล่น กระโดดได้อย่างอิสระเสรีจะดีที่สุดหางมีที่ให้วิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิ่ง แข่ง การดูแลรักษาความสะอาดสำหรับร็อตไวเลอร์ไม่ยุ่งยากเหมือนสุนัขพันธุ์ขนอื่น และก็ใช้เวลาไม่มากนัก ร็อตไวเลอร์ สุนัขสายพันธุ์ชั้นดีต้องออกกำลังกายมากและสม่ำเสมอ หรือไม่ก็มีอะไรทำอยู่ตลอดเวลาอย่างเช่นให้เฝ้าสัตว์เป็นสุนัขที่ไม่ชอบอยู่ นิ่งเฉย หากไม่มีอะไรทำอย่างน้อยก็ควรพาออกไปเดินเล่น และควรทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน

ร็อตไวเลอร์ เป็นสุนัขชั้นเลิศที่ เชื่อฟังคำสั่งง่าย สงบ ใจเย็น และชอบเด็กและหากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เฝ้ายามหรือสุนัขจู่โจมได้เป็นอย่างดี ร็อตไวเลอร์เรียนรู้ได้เร็วสามารถใช้งานได้ราวกับหุ่นยนต์ เป็นสุนัขที่ไม่ชอบเห่าไร้สาระ ชอบวิ่งเล่น ร็อตไวเลอร์จะกัดก็ต่อเมื่อเจ้านายของมัน ได้รับอันตรายจากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

มาตรฐานพันธุ์ร็อตไวเลอร์

ลักษณะทั่วไป ร็อตไวเลอร์
ร็อทไวเลอร์ จัดได้ว่าเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างใหญ่และแข็งแรง โดยเฉพาะโครงสร้างของกระดูกค่อนข้างใหญ่ กระโหลกศรีษะใหญ่และกว้างรูปร่างบึกบึน หนา กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ลำคอและลำตัวมีลักษณะค่อนข้างกลมทำให้แลดูป้อม ขาทั้งสี่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน ใบหูห้อยปรกลง ลักษณะของใบหูคล้ายรูปสามเหลี่ยม สีของลำตัวมีเพียงสีเดียวคือสีดำสลับน้ำตาลเข้ม

โครงสร้าง ร็อตไวเลอร์
ส่วนสูงที่ ถือเป็นเกณฑ์มาตราฐานสำหรับสุนัขพันธุ์นี้ คือ เพศผู้ความสูงควรอยู่ในช่วงระหว่าง 24-27 นิ้ว ส่วนเพศเมียความสูง ควรอยู่ในช่วงระหว่าง 22-25 นิ้ว แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงสัดส่วนความยาวของลำตัวด้วย สุนัขที่มีโครงสร้างสวยงาม ควรมีรูปทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส และดูกระชับลำตัวไม่ยาวจนเกินไปขณะเดียวกันความสูงก็ไม่เกินกว่าความยาวของ ลำตัวมากนัก เพราะจะทำให้สุนัขแลดูเก้งก้างขาดความแข้งแกร่ง ขาและส่วนหัวต้องมีขนาดเหมาะสมกับลำตัวเวลาเดินหรือวิ่ง ดูแล้วรู้สึกว่าอวัยวะทุกส่วนมีการเคลื่อนไหวมีความยืดหยุ่นและนิ่มนวลแลดู ทมัดทะแมง สุนัขที่สูงเกิดไปหรือเตี้ยเกินไปจะทำให้แลดูขาดความสง่างาม สำหรับน้ำหนักโดยเฉลี่ยควรอยู่ในช่วง 90-110 ปอนด์

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อัลเซเชี่ยน







หากดูตามสายพันธุ์ อัลเซเชี่ยน หรือ เยอรมันเช็พเพอด ถือเป็นสุนัขที่ได้ชื่อว่าดุพอสมควร มีเขี้ยวเล็บแหลมคม แข็งแรงแต่ก็ว่องไว เห่าเสียงดัง ขู่ก็น่ากลัว แต่ด้วยความฉลาด เรียนรู้เร็ว เชื่อฟังคำสั่งทำให้ อัลเซเชี่ยนกลายเป็นพันธุ์ยอดนิยมที่สุดพันธุ์หนึ่ง

ทว่า หากพูดถึงเรื่องของภาพลักษณ์แล้ว อัลเซเชี่ยนดูจะดีกว่าสุนัขดุพันธุ์อื่นอยู่มาก รวมทั้งข่าวคราวในเรื่องเสียหายก็ไม่ค่อยมี ดังนั้น ในวงการบันเทิงบทของ อัลเซเชี่ยน จึงเป็นสุนัขฉลาดแสนรู้ ซื่อสัตย์ ขนาดเป็นพระเอกก็ยังมี แถมยังมีฉากช่วยชีวิตคนอยู่บ่อยๆ(ในชีวิตจริงก็มีบ่อยๆเหมือนกัน)

อัลเซเชี่ยนมีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมัน วีรกรรมสุดยอดของมันคือการที่ผู้คนนับพันนับหมื่นที่ต้องอยู่ในโลกมืด(ตาบอด) ได้อาศัยเจ้าเยอรมันเช็พเพอดนี่แหละที่คอยเป็นพี่เลี้ยงนำทางไหนต่อไหนได้ พิทักษ์สันติราษฎร์ในเยอรมันนี แคนาดา ตามตรอกซอกซอยของบัลติมอร์ หรือในสวนสาธารณะของไฮด์ปาร์คที่มืดสลัว ไปด้วยม่านหมอกในใจกลางกรุงลอนดอน ย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานรักษากฎหมาย ที่ไม่ย่นระย่ออย่างใดทั้งสิ้น เขาทำหน้าที่เฝ้าเหมืองเพชรในคิมเบอร์ลี่ย์ก็ได้ เฝ้าโรงเรียนในนิวยอร์คก็ได้
หรือให้เฝ้าฐานทัพอากาศที่ทริโปลีก็ได้ ไม่มีใครสามารถคำนวณได้ว่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด ได้ช่วยชีวิตคนไว้เท่าไรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่สอง โดยที่การดมกลิ่นหาทหารบาดเจ็บบ้าง ถือสารและลำเลียงเวชภัณฑ์บ้าง คอยเตือนหน่วยลาดตระเวนในป่าต่อการถูกซุ่มโจมตีบ้าง

ตลอดจนการตรวจรักษาแนวชายฝั่งทะเลเพื่อกันการก่อวินาศกรรม และค้นหาชาวบ้านที่ถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่เนื่องจากการถูกระเบิดทางอากาศ ในยามไม่มีศึกสงคราม มันก็ทำงานเป็นการกุศล

เนื่องจากจมูกที่ไวสามารถนำคนค้นหาพวกที่ถูกหิมะถล่ม ฝังเอาไว้ในเทือกเขาแอลป์ของสวิส ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้มีรูปร่างที่สวยงาม เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง เป็นผลมาจากการผสมของสุนัขต้อนแกะหลายชนิดมานับศตวรรษ ซึ่งรวมเอาสุนัขที่มีขนาดย่อมแต่ว่องไวของท้องทุ่งเยอรมันภาคเหนือ กับสุนัขที่โตล่ำสันกว่าของภูมิภาคที่เป็นขุนเขาทางใต้เอาไว้ด้วย

แม้จะสิ้นศตวรรษที่ 19 ยุคเลี้ยงแกะของเยอรมันได้สิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ตามนักเพาะพันธุ์สุนัขไม่กี่คนก็ยังพยายามสงวนพันธุ์อันมีคุณสมบัติอันวิเศษในการเลี้ยงแกะเอาไว้ ซึ่งนับว่าควรแก่การยกย่องมากที่สุดได้แก่ ร้อยเอกทหารม้าผู้หนึ่งชื่อ มาร์กฟอนสเตฟานิตช์ ซึ่งได้ลงเรี่ยวลงแรงแข็งขัน เพื่อที่จะทำให้สุนัขพันธุ์นี้เข้ามาตรฐาน

โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1889 และได้เจริญเติบโตเรื่อยมาจนมาเป็นสโมสรสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างเดียว จากความพยายามของร้อยเอกฟอนสเตฟานนิตช์กับพรรคพวก ที่ได้พยายามเสาะหาสุนัขที่ใช้งานได้ดีและฉลาด และแล้วผลที่ได้ก็น่าภาคภูมิใจ ที่เมื่อมองสุนัขพันธุ์นี้ขณะที่มันปฏิบัติตามคำสั่งของนายโดยไม่ผิดพลาด

ลักษณะโดยทั่วไป สิ่งที่ประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็นเยอรมันเช็พเพอดที่ดีคือ ความแข็งแรงว่องไว เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตื่นตัวและมีชีวิตชีวา มองโดยรวมแล้วจะกลมกลืนและได้สัดส่วนกันระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้าย ตัวจะยาวกว่าส่วนสูง ลำตัวลึก เส้นรอบตัวจะเป็นเส้นโค้งที่กลมกลืนแทนที่จะเป็นเหลี่ยมมุม มีขนาดค่อนข้างใหญ่และอ่อนแอ ให้ความรู้สึกไม่ว่าจะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวถึงความกระชับของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวล

นิสัยของเยอรมันเช็พเพอดมีบุคลิกที่เด่นชัดคือ มีการแสดงออกถึงความไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้นและตื่นตัวกระฉับกระเฉง เต็มใจจะรับใช้เต็มที่ในลักษณะของการเป็นเพื่อน เป็นสุนัขเฝ้าบ้านนำทางผู้ที่อยู่ในโลกมืด เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ หรือทำหน้าที่อารักขา สุนัขจะไม่ขี้ขลาดหรือหลบอยู่หลังผู้เป็นเจ้านาย ไม่ควรจะอ่อนไหว ไม่มองไปรอบๆ หรือแหงนหน้ามอง ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก โดยจะหางตกเมื่อได้ยินเสียงหรือมองเห็นสิ่งแปลกๆ หากสันขมีอุปนิสัยดังกล่าวข้างต้นจะถูกตัดสินว่ามีความบกพร่องอย่างร้ายแรง สุนัขจะต้องยอมให้กรรมการตรวจฟันและลูกอัณฑะ

ถ้าหากสุนัขกัดกรรมการจะต้องถูกไล่ออกจากสนามประกวด สุนัขที่อยู่ในอุดมคติควรที่จะสามารถใช้งานในลักษณะที่ไม่หยิบโหย่ง ผสมผสานกับลำตัวและการก้าวย่างที่เหมาะกับงานการที่ทำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พุดเดิ้ล


สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล(Poodle)


พันธุ์มาตรฐาน : สุนัขขนาดใหญ่ ต้องการการออกกำลังกายและดูแลขนเป็นพิเศษ พันธุ์เล็กและพันธุ์ตุ๊กตา: สุนัขขนาดเล็ก ต้องการการดูแลขนเป็นพิเศษ และรักเด็ก
ส่วนสูง น้ำหนัก วงจรชีวิต การจัดกลุ่มพันธุ์
22-27 นิ้ว 45-70 ปอนด์ 10-14 ปี สุนัขที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
ลักษณะเด่น
ขนดก แน่น และหยิกงอน สีขนเป็นสีเทา สีเงิน สีดำ สีขาว สีเทาน้ำเงิน สีน้ำตาลหรือสีครีม

นิสัย
พุดเดิ้ลที่มีสายพันธุ์ดีจะเป็นสุนัขที่ฉลาดและตอบสนองไวที่สุดในบรรดาสุนัขทั้งหมด พุดเดิ้ลมีด้วยกัน 3 ขนาด คือ ขนาดมาตรฐาน ขนาดเล็ก และขนาดทอย(ตุ๊กตา) พุดเดิ้ลทุกขนาดจะเป็นสุนัขที่น่าหยิกน่าหมั่นไส้ แสนประจบ ซน และขี้เล่น พุดเดิ้ลพันธุ์เล็กกับพันธุ์ทอยมีอุปนิสัยที่ไม่ค่อยไว้ใจคนแปลกหน้า และมีความอดทน กับเด็กน้อยกว่าพันธุ์สมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม พุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย สั่งให้ทำ อะไรก็ทำ ซึ่งคุณก็ควรฝึกสอนตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันมีความสามารถในการทำตามคำสั่งที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ข้อเสียของมันก็คือมันมีนิสัยชอบเห่า แต่คงเพราะ ตัวเล็กไปหน่อยจึงได้แต่เห่าอย่างเดียว ทำอะไรใครไม่ได้ สุนัขพันธุ์นี้เหมาะที่จะเลี้ยง ในคอนโด แต่ก็ควรให้ได้รับการออกกำลังกายพอสมควรด้วย แต่ถ้าใครคิดจะเลี้ยง เจ้าพุดเดิ้ลขนาดจิ๋ว (เล็กกว่าพันธุ์ทอย) ก็จงระวังให้ดี เพราะมันค่อนข้างขี้โรคและ มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย
การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย
สุนัขพันธุ์นี้ไม่ผลัดขนคุณจึงควรแปรงขนให้มันสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง และตัดแต่งขนให้ทุกๆ 4-6 สัปดาห์ และควรพาไปเดินเล่นในที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน พันธุ์มาตรฐานต้องการการออกกำลังกายมากกว่าพันธุ์มินิเอเจอร์และทอย

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โกลเด้น





เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดจากเมืองผู้ดีอังกฤษและสก็อตแลนด์ในราวศตวรรษที่ 19 ได้จากการผสมพันธุ์สุนัขระหว่างพันธุ์นิวฟาวแลนด์ขนเรียบสีเหลืองกับ ทวีดวอร์เตอร์ สแปเนียล ภายหลังได้ผสมกับพันธุ์ไอริช เว็ทเตอร์ บลัดฮาวด์ และ วอเตอร์ สแปเนียล เดิมเป็นสุนัขที่ใช้ในกีฬาล่าสัตว์ โดยนายพรานจะใช้มันชี้รอยตามรอย และเก็บเป็ดน้ำที่ยิงได้กลับมา

ลักษณะทั่วไป

สุนัขขนาดใหญ่ รักเด็ก ส่วนสูง น้ำหนัก วงจรชีวิต การจัดกลุ่มพันธุ์ 21.5- 24 นิ้ว 55- 75 ปอนด์ 12-14 ปี สุนัขที่ใช้ในกีฬาล่าสัตว์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่มีความคล่องตัวสูง ขนชั้นในแน่น และกันน้ำได้ดีเช่นเดียวกัน มีขนปุกปุยหนาแน่นบริเวณคอ ด้านหลังขาหลัง และหาง และมีขนปุกปุยปานกลางบริเวณด้านหลังขาหน้าและท้อง สีของขนมีหลายเฉดสีต่างกันไป ตั้งแต่สีทองเข้มจนถึงทองเงา

โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาดมากมากจนสามารถนำมาฝึกเพื่อใช้งานได้ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีขนาดไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป จัดว่าเป็นสุนัขที่มีประสาทสัมผัสดีเลิศทั้งในด้านของการฟังเสียง การดมกลิ่นสะกดรอย นอกจากนี้ยังมีสายตาอันเฉียบคมและแม่นยำ ด้วยเหตุนี้วงการทหารและตำรวจในหลายๆ ประเทศจึงได้นำสุนัขพันธุ์นี้มาฝึกเพื่อไว้ช่วยงานราชการ อาทิเช่น ตรวจค้นยาเสพติด , ดมกลิ่นสะกดรอยคนร้าย, ยามรักษาความปลอดภัย แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมสูงสุด ก็เห็นจะได้แก่ฝึกให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด ทั้งนี้เพราะโกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขซึ่งฉลาด แต่ไม่ค่อยเจ้าเล่ห์หรือซุกซนเหมือนสุนัขบางพันธุ์ ขนชั้นนอกแน่น เงา หยิกเป็นลอนเล็กน้อย และราบเรียบไปตามลำตัว กันน้ำได้ดี

อุปนิสัย

มีความกระตือรือร้นตลอดเวลา ค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ส่งเสียงโดยไม่มีเหตุผล มีขนาดปานกลาง ไม่เทอะทะเก้งก้างจนดูเกะกะ

การตัดแต่งขนและการออกกำลังกาย

เจ้าโกลเด้นเป็นสุนัขที่มีขนร่วงมาก จำเป็นจะต้องแปรงและหวีขนให้มันสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง มันจะมีความสุขมากๆ หากเจ้าของพามันไปเดินเล่นไกลๆ ทุกวันหรือหาสนามโล่งๆ ให้ได้วิ่งเล่นแบบสบายๆ ไร้กังวล ได้เล่นกับสุนัขตัวอื่น วิ่งเก็บลูกบอล หรือว่ายน้ำ