วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

สุนัขพันธ์ปักกิ่ง




เริ่มต้นจากการเป็นหมาในราชสำนักจีน ได้รับการปกป้องคุ้มครองสายพันธุ์ให้บริสุทธิ์อย่างเข้มงวดโดยราชสำนัก นั่นหมายถึงจะไม่มีการให้ผสมข้ามสายพันธุ์มั่วซั่วโดยเด็ดขาด ถ้าเป็นในสมัยนี้ก็คงยาก เพราะแค่มุดรั้วหนีออกไปก็หมดกัน แต่ในสมัยกระนู้นจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์ปักกิ่งกันได้ก็ต้องเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระจักรพรรดิเท่านั้น ถ้าใครคิดหาญขโมยออกไปละก็ โทษถึงตาย!!
ทำไมถึงต้องหวงห้ามกันขนาดนั้น ก็เพราะในสมัยก่อนเชื่อกันว่าปักกิ่งเป็นสายพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับมีการสร้างรูปจำลองแกะสลักด้วยวัสดุชนิดต่างๆ เช่น ไม้ งาช้าง ทองเหลือง หยก ขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป วางไว้ตามวัดวาอาราม

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้แน่ว่าสุนัขพันธุ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เท่าที่สืบสาวราวเรื่องไปได้ไกลที่สุดก็ในสมัยราชวงศ์ถัง (ศตวรรษที่ 8) มีหลักฐานว่ามีสุนัขพันธุ์ปักกิ่งอยู่ในราชสำนักแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยังหาหลักฐานไม่พบ
และเพื่อยืนยันว่าราชสำนักจีนหวงสุนัขพันธุ์ปักกิ่งเอามาก ๆ ก็จะขอเล่าเรื่องนี้ให้อ่าน อ่านแล้วต้องคัดลอกอีกสิบฉบับแล้วส่งไปให้เพื่อน ไม่งั้นท่านจะโชคร้าย แต่ถ้าท่านทำตาม ท่านก็จะถูกหวยรวยเป็นล้าน
เพ้อเจ้ออีกแล้ว ! กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า เรื่องมีอยู่ว่า

ในปี ค.ศ.1860 อังกฤษเข้ายึดวังจักรพรรดิที่กรุงปักกิ่ง ในเวลานั้นทุกคนต่างตระหนกตกใจ แต่ก็ยังไม่วายมีสติพอที่จะ "ฆ่า" สุนัขพันธุ์ปักกิ่งทุกตัวที่มีอยู่ในวัง ทั้งนี้เพราะไม่อยากให้สุนัขสายพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ตกไปอยู่ในมือของฝรั่งอั้งม้อ แต่ฟ้าดินลิขิตแล้วให้ปักกิ่งได้ไปเที่ยวอังกฤษจึงยังมีสุนัขห้าตัวเหลือซ่อนอยู่ สาเหตุที่ห้าตัวนี้ไม่ถูกฆ่าตายก็เพราะเป็นสุนัขสุดโปรดของซูสีไทเฮา เพราะฉะนั้นจึงน่าจะเชื่อได้ว่าเป็นสุนัขห้าตัวที่สวยที่สุด ดีที่สุดในแผ่นดินจีนสมัยนั้น เนื่องจากซูสีไทเฮามีอำนาจเหนือกว่าจักรพรรดิซะอีก
สุนัขห้าตัวที่ว่านี้มีสีต่างกัน ตัวหนึ่งมีสีน้ำตาลอมเหลืองและแต้มขาวถูกทหารนำกลับอังกฤษไปถวายแด่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย และนี่คือจุดเริ่มต้นของสุนัขพันธุ์ปักกิ่งในโลกตะวันตก และแม้เมื่อไปอยู่ไกลบ้านขนาดนั้น ปักกิ่งก็ยังไม่ลืมความเป็นหมาในราชสำนักของตัวเอง ทุกวันนี้ปักกิ่งยังมีบุคลิกแบบสวย เริ่ด เชิด และหยิ่งในศักดิ์ศรี พร้อมด้วยอาการดื้อดึงแต่พองาม เป็นสุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีท่าทีการเคลื่อนไหวอย่างสง่างามระเหิดระหง อารมณ์ดีแต่สงบเงียบ ไม่เอะอะโวยวายหรือร่าเริงเกินเหตุ แต่ก็ใช่ว่าจะนิ่งจนน่าเบื่อ ถ้าอยู่กับเจ้านายหรือผู้ที่คุ้นเคยมันก็จะเล่นด้วยอย่างสนุกสนานน่ารัก นอกจากนี้ปักกิ่งยังเป็นสุนัขที่กล้าหาญ ไม่เคยมีประวัติเรื่องวิ่งหนีหางจุกตูด เป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ทรหดอดทนและเลี้ยงง่าย ทั้งยังเป็นมิตรและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอย่างยิ่งด้วย

สุนัขพันธุ์ปักกิ่งมีสามสมญานามที่บ่งบอกลักษณะอันดี ได้แก่ Lion Dogs (หมาสิงโต) เพราะมีลำตัวช่วงหน้าที่หนา ใหญ่ แล้วค่อย ๆ เล็กแคบลงไปในช่วงหลัง สมญาที่สองคือ Sun Dogs (หมาแสงตะวัน) เพราะมีขนสีแดงประกายทอง สวยจับตาจับใจ สุดท้ายคือ Sleeve Dogs (หมาแขนเสื้อ) เพราะตัวเล็กขนาดที่ใส่ไว้ในแขนเสื้อคนจีนสมัยก่อนได้ แต่ปกติมักใช้เรียกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ตัวเล็ก ๆ เท่านั้น

ที่ประเทศอังกฤษเริ่มมีการนำสุนัขพันธุ์ปักกิ่งมาโชว์ต่อสาธารณชนก็ต่อเมื่อสามปีหลังจากมันมาถึงแดนผู้ดี ผู้คนต่างพากันสนใจทั้งในความสวยงามและประวัติอันน่าตื่นเต้น ส่วนในอเมริกามีการจดทะเบียนสุนัขพันธุ์ปักกิ่งไว้ใน American Kennel Club เมื่อปี ค.ศ.1906 หลังจากนั้นก็มี Pakingese Club of America และลงทะเบียนเป็นสมาชิกใน American Kennel Club ในปี 1909 แสดงให้เห็นว่าคนอเมริกันให้ความนิยมชมชอบเจ้าสุนัขพันธุ์ปักกิ่งนี้อย่างมาก
ถ้าอยากหาสุนัขประเภทสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง แบบปักกิ่งมาเลี้ยงสักตัว ก็ตามไปอ่านในส่วนมาตรฐานสายพันธุ์นะจ๊ะ



มาตรฐานสายพันธุ์ปักกิ่ง

ลักษณะทั่วไป รูปร่างสมส่วน กะทัดรัด ลำตัวส่วนหน้าดูใหญ่ หนา ลำตัวส่วนหลังเล็กแคบกว่า มีลักษณะคล้ายสิงโต มีนิสัยกล้าหาญ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ประจบประแจง ไม่เจ้าเล่ห์ ไม่มีท่าทีกรีด-
กราย
ขนาด โครงร่างและสัดส่วน ถึงแม้จะดูตัวเล็กแต่เมื่ออุ้มดูจะต้องรู้สึกหนักมาก ทั้งนี้เพราะโครงร่างของปักกิ่งต้องมีกล้ามเนื้อหนาและแข็งแรง กระดูกของลำตัวส่วนหน้าก็หนาหนักด้วย ปกติแล้วน้ำหนักต้องไม่เกิน 14 ปอนด์ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ถ้าเกินกว่านี้จะไม่รับพิจารณาในการประกวด ในด้านของสัดส่วนนั้น ความยาววัดจากกระดูกอกจรดบั้นท้ายต้องยาวกว่าความสูงวัดจากจุดสูงสุดของไหล่จรดพื้นเล็กน้อย ในการประกวด คะแนนด้านความสมดุลของโครงร่างและสัดส่วนสำคัญมาก
กะโหลก กระหม่อมหนา แบน กว้าง ไม่เป็นรูปโดม
ใบหน้า ใบหน้าที่ถือว่าถูกต้องตามคุณลักษณะคือ โหนกแก้มอยู่สูงและกว้าง ขากรรไกรล่างและคางก็กว้างเช่นกัน เมื่อมองจากด้านหน้า กะโหลกต้องดูกว้างมากกว่าลึก ดูแล้วไม่เป็นรูปกลมแต่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าหน้าแบน คาง จมูกและคิ้วอยู่ในระนาบเดียวกัน แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าแนวระนาบนี้เอนจากคางขึ้นไปที่หน้าผากเล็กน้อย
จมูก สีดำ กว้าง สั้น เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าจมูกแบนติดกับหน้า มองเห็นรูจมูกได้ชัด จมูกอยู่ในตำแหน่งตรงกลางระหว่างตาพอดี กล่าวคือเมื่อลากเส้นขวางผ่านปลายยอดจมูก เส้นนี้จะอยู่ในระนาบเดียวกับจุดกึ่งกลางของลูกตาดำ
ตา ตาทั้งสองข้างอยู่ห่างกันพอสมควร ตากลม ใหญ่ สีดำเข้ม วาววับเป็นประกาย เวลามองจะให้ความรู้สึกนิ่ง ขรึม ตาไม่โปน ขอบตาสีดำ ถ้าสุนัขมองตรง ๆ (ไม่เหลือกตา) จะต้องไม่เห็นตาขาว
รอยย่น รอยย่นบนใบหน้าของปักกิ่งเป็นสิ่งที่แยกใบหน้าส่วนบนกับส่วนล่างออกจากันอย่างชัดเจน แต่ปกติเราจะมองไม่เห็นรอยย่นเพราะขนจะขึ้นยาวปกคลุมรอยย่นนั้นทั้งหมด จากแก้มซ้ายไปแก้มขวาโดยมีรอยแหวกที่บริเวณจมูก ขนที่ใบหน้านี้ต้องไม่ฟูหนาจนปิดบังใบหน้าและการมองเห็นของสุนัข
จุดเชื่อมต่อระหว่างหน้าผากกับจมูก (stop) ลึก มองเห็นสันจมูกได้ไม่ชัดเพราะมีขนปกคลุมและมีรอยย่นที่สันจมูกด้วย
ส่วนจมูกกับปาก (muzzle) จมูกเชิด กว้าง และสั้นมาก ผิวหนังส่วนนี้มีสีดำ มีหนวด
ปาก ขากรรไกรล่างยื่นออกเล็กน้อย ทำให้ฟันล่างเกยฟันบน แต่ริมฝีปากปิดชิดกันสนิท ไม่เห็นฟันเหยินหรือเห็นลิ้นยื่นออกมา ขากรรไกรล่างแข็งแรง กว้าง มั่นคง และตัดตรงผ่านคาง คางที่หนาเกินไปถือเป็นลักษณะที่ไม่ดี
หู หูเป็นรูปหัวใจ ตั้งอยู่มุมด้านหน้าของกะโหลกและยาวไปตามแนวกะโหลก วิธีดูง่าย ๆ คือคือหูต้องห้อยยาวลงมาแนบแก้ม แลดูเหมือนเป็นกรอบหน้า ใบหูทั้งสองมีขนยาวหนา ลักษณะเช่นนี้หลอกตาทำให้เราเห็นว่าสุนัขมีใบหน้าที่กว้างกว่าความเป็นจริง
สีที่ผิวหนัง สีที่จมูก ริมฝีปาก และขอบตา ล้วนเป็นสีดำ
คอ คอหนาและสั้นมาก เรียกได้ว่าคอจมอยู่กับไหล่
ลำตัว กะทัดรัด ส่วนหน้ากว้างกว่าส่วนหลังเพราะซี่โครงกางออกมากกว่า อกกว้าง กระดูกอกอาจโปนออกมาได้เล็กน้อย ลำตัวค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปสู่ด้านหลัง มองเห็นเอวได้ชัดเจน แนวหลังตรงไม่แอ่นเว้าหรือโค้งนูน
หาง โคนหางตั้งอยู่สูง มีขนหนา ยาวและตรงลงมาที่ลำตัวทั้งสองข้าง
ลำตัวส่วนหน้า สั้น หนาและกระดูกหนาหนักเช่นกัน ไหล่เอนลาดไปด้านหลังและเชื่อมประสานกับลำตัวอย่างกลมกลืนโดยไม่มีรอยนูนเว้า ข้อศอกอยู่ชิดกับลำตัวเสมอ กระดูกขาหน้าช่วงระหว่างข้อศอกถึงข้อเท้าจะโค้งเล็กน้อย เท้าหน้าใหญ่ แบนและชี้ออกด้านข้างเล็กน้อย ขาแข็งแรงทำให้สุนัขยืนและทรงตัวได้อย่างมั่นคง
ลำตัวส่วนหลัง กระดูกเล็กกว่าลำตัวส่วนหน้า เมื่อมองจากด้านหลัง ขาหลังอยู่ใกล้กันและขนานกัน เท้าหลังชี้ตรงไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แม้ลำตัวส่วนหลังจะเล็กกว่าส่วนหน้า แต่ก็ยังต้องมีลักษณะบึกบึนแข็งแรง ไม่อ้อนแอ้นอรชร มิฉะนั้นจะดูไม่สมดุลกัน
ขน มีขนหนาทั่วตัว ยาวตรงและให้สัมผัสหยาบ ขนชั้นในจะนุ่มกว่าขนชั้นนอก ขนไม่ลีบ ขนที่แผงคอและช่วงไหล่จะยาวกว่าที่ส่วนอื่น ๆ ลักษณะขนที่ดีคือยาวและหนา เพราะเมื่อขนแนบไปตามลำตัวจะทำให้เห็นรูปร่างลักษณะของสุนัขได้ชัดเจน นอกจากนี้ขนที่ขา หู หาง และนิ้วก็ยาวเช่นกัน อย่างไรก็ตามขนที่นิ้วอาจตัดออกได้บ้างเพื่อให้สุนัขเคลื่อนไหวได้สะดวก แต่ไม่ใช่ตัดออกทั้งหมด
สีขน สีอะไรก็ได้ จะมีแต้มหรือไม่มี ที่ไหนอย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น
การก้าวย่าง ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่กะโผลกกะเผลก ไม่ต้องออกแรงมากก็เคลื่อนไหวได้อย่างสง่างาม ลักษณะการเดินจะดูเหมือนกับว่าไหล่หมุนเป็นวงกลม ทั้งนี้เพราะว่ามีขาหน้าที่โค้งและลำตัวส่วนหน้าที่หนาหนักกว่าส่วนหลัง
อารมณ์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง หยิ่ง ดื้อ แต่ถ้ารักใครก็จะแสดงความสนุกสนานร่าเริงและเป็นมิตร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น